Latest entries

วันพุธที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2557

Community College ทางเลือกการเรียนมหาวิทยาลัยในอเมริกาที่เสียค่าใช้จ่ายต่อปี ถูกที่สุด

ทางเลือกสำหรับการเรียนต่อมหาวิทยาลัยในอเมริกา แบบเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดใน 1 ปี คือการเรียนในสถาบันการศึกษาที่เปิดสอนหลักสูตรอนุปริญญา (2 ปี) หรือที่เรียกว่า Community College, Technical College หรือ City College ซึ่งข้อมูลจาก College Affordability and Transparency Center ที่ดำเนินการโดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ระบุว่า ค่าใช้จ่ายในการเรียนที่สถาบันเหล่านี้ เฉลี่ยต่อปี อยู่ระหว่าง 560 - 2,527 US$ ต่อปีเท่านั้น

เมื่อเรียนจบจาก College เหล่านี้ จะได้รับอนุปริญญา หรือที่เรียกว่า Associate’s Degree ซึ่งสามารถใช้ทำงานได้ หรือหากสนใจจะเรียนต่อ ก็สามารถยืนเรียนต่อในมหาวิทยาลัยต่างๆ โดยใช้เวลาเรียนต่อเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น ก็จะได้รับปริญญา โดยเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าเรียนหลักสูตร 4 ปี


เรียนภาษา + Community College + University 

ทางเลือกสู่การเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย 

ที่คุ้มค่าที่สุด


อย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว การเริ่มต้นเรียนต่อระดับปริญญาในอเมริกา โดยเรียนใน Community College เป็นทางเลือกที่ประหยัดกว่าการเรียนมหาวิทยาลัยโดยตรงค่อนข้างมาก แต่การเข้าเรียนใน Community College นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน เนื่องจาก College เหล่านี้ บางแห่งไม่ได้มีชื่อเสียงระดับประเทศ หรือเป็นรู้จักระดับโลก ทำให้การหาข้อมูล ทำได้ค่อนข้างยาก วิธีหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ คือการสมัครเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษในสถาบันสอนภาษาอังกฤษที่มีเครือข่ายกับ Community College (ดูสถาบันแนะนำ คลิกที่นี่) ทำให้นักเรียนสามารถเลือกเรียนต่อได้ง่ายขึ้น



เรียนภาษา 1 ปี ที่อเมริกา ต้องเสียค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่?


การศึกษา เปรียบเหมือนการลงทุน หากต้องการลงทุนให้คุ้มค่า สำหรับอนาคตที่ดีแล้ว การเรียนรู้ค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ย หรือสามารถประเมินค่าใช้จ่ายเรียนภาษาที่ต่างประเทศได้ จะช่วยให้การวางแผนศึกษาต่อ ทำได้อย่างง่ายดายมากขึ้น

เป้าหมายของการเรียนภาษาที่ต่างประเทศนั้น แต่ละคนมีความแตกต่างกัน และความแตกต่างกันทางด้านวัตถุประสงค์เหล่านี้เอง ทำให้ระยะเวลาในการเรียนภาษาที่ต่างประเทศของแต่ละคน มีความแตกต่างกันด้วย บางคนอยากเรียนเพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ ก่อนกลับมาทำงาน (ซึ่งใช้เวลาเรียนประมาณ 3-6 เดือน น่าจะเพียงพอ) หรือบางคน ต้องการเรียนเพื่อใช้ในการศึกษาต่อระดับ ปริญญาตรี หรือโท ที่อเมริกา (อาจต้องใช้เวลาเรียนภาษาอังกฤษมากกว่า 6 เดือน หรือ 1 ปีขึ้นไป)

เมื่อเรารู้วัตถุประสงค์เบื้องต้นของตนเองแล้ว สิ่งที่ควรจะศึกษาต่อไป คือ งบประมาณคร่าวๆ ในการเดินทางไปเรียน






เรียนภาษา 1 ปี ที่อเมริกา ต้องจ่ายประมาณ 700-2,000 US$ ต่อเดือน?

อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ JimmyESL.com (http://jimmyesl.com/study-english-in-the-united-states/cost-study-english-united-states/) ที่ระบุว่า สถาบันสอนภาษาต่างๆ ของอเมริกานั้น จะมีค่าใช้จ่าย สำหรับนักเรียนแต่ละคน ที่เรียนภาษาอังกฤษอยู่ที่ 8,400-24,000 US$ ต่อปี ขึ้นอยู่กับเมือง สถานที่ และชื่อเสียงของโรงเรียน ถ้าเป็นโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษที่มีชื่อเสียงระดับ Top ของอเมริกา หรือโรงเรียนที่มีสาขามากมายทั่วโลก นักเรียนก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว อย่างไรก็ตาม หากไม่คำนึงถึงชื่อเสียง และเครือข่ายมากมายของโรงเรียนแล้ว นักเรียนสามารถเลือกโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษที่มีราคาย่อมเยาว์และคุ้มค่ากว่าได้ (ดูโปรโมชั่น เรียนภาษาที่อเมริกา แบบราคาคุ้มค่า คลิกที่นี่)

เรียนต่อมหาวิทยาลัยที่อเมริกา 1 ปี เท่าไหร่?


อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ topuniversities.com (http://www.topuniversities.com/student-info/student-finance/how-much-does-it-cost-study-us) ระบุว่า อเมริกา คือเป้าหมายยอดนิยมสำหรับการเรียนต่อต่างประเทศ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายต่อปีโดยเฉลี่ยในการเรียนระดับมหาวิทยาลัย 4 ปี อยู่ที่ 28,500 US$ ต่อปี ซึ่งตัวเลขนี้เป็นเพียงแค่ค่าเฉลี่ยเท่านั้น อย่างที่ทราบกันดีว่า สหรัฐอเมริกามีสถาบันการศึกษาระดับปริญญาตรี โท อยู่นับร้อยนับพันแห่ง

มหาวิทยาลัยอย่าง Cornell ที่มีชื่อเสียงระดับโลก และเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของอเมริกาแห่งหนึ่ง มีค่าใช้จ่ายระดับปริญญาตรี อยู่ที่ 41,541 US$ ต่อปีเลยทีเดียว ซึ่งเป็นแค่ค่าเรียน ที่ยังไม่รวมค่าที่พัก ประมาณ 7,800 US$ ต่อปี ค่าอาหาร 5,354 US$ ต่อปี ค่าหนังสือเรียนและอุปกรณ์การเรียน 800 US$ ต่อปี และค่าครองชีพทั่วไปประมาณ 1,630 US$ ต่อปี ทำให้ เมื่อรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดในรอบ 1 ปี ของการเรียนที่ Cornell จะต้องเสียค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นสูงถึง 57,125 US$ ต่อปี

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่มหาวิทยาลัยทุกแห่งของอเมริกา จะมีค่าใช้จ่ายสูงแบบ Cornell ยังมีสถาบันของรัฐที่เรียกว่า State College ที่มีค่าใช้จ่ายถูกกว่า และสามารถเข้าเรียนได้ง่ายกว่า (ยกเว้น UCLA-University of California Los Angeles ที่เป็นสถาบันการศึกษาของรัฐ ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายต่อปีสูงถึง 55,000 US$ ต่อปี ในการเรียนหลักสูตร 4 ปี)

College Board องค์กรสนับสนุนนักเรียนของอเมริกา ระบุว่า ค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยสำหรับการเรียนมหาวิทยาลัยเอกชน หลักสูตร 4 ปีในอเมริกา จะต้องเสียค่าใช้จ่ายต่อคนประมาณ 20,770 US$ ต่อปี อย่างไรก็ดี นักศึกษาในอเมริกาเองเกือบครึ่ง (44%) เลือกเรียนใน College มากกว่า มหาวิทยาลัย เนื่องจากการเรียนใน College นั้น ถูกกว่า เพราะเสียค่าใช้จ่ายไม่เกิน 9,000 US$ ต่อปี เท่านั้น

Source : เรียนภาษาที่ไทย หรือไปอเมริกา

วันพุธที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2557

ขอวีซ่านักเรียนอเมริกา ต้องเตรียมอะไรบ้าง?


เอกสารที่ต้องใช้ในการสมัคร วีซ่าอเมริกา

  1. หนังสือเดินทางที่มีอายุเหลือไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ในวันเดินทาง หากผู้สมัครมีหนังสือเดินทางเล่มเก่าที่มีวีซ่าสหรัฐฯ ก็สามารถนำมายื่นในวันสัมภาษณ์ได้ โดยประวัติการออกวีซ่าอเมริกาเดิมจะใช้ประกอบการพิจารณาอนุมัติ วีซ่าอเมริกา ด้วย
  2. แบบฟอร์ม DS-160
  3. รุปถ่ายขนาด 2*2 นิ้ว (5*5 ซ.ม.) พื้นหลังสีขาว ไม่มีขอบ ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน หน้าตรง  ขนาดของใบหน้าต้องมากกว่าร้อยละ 50 ของรูป และต้องเห็นใบหู โปรดอย่าติดกาวหรือเย็บรูปถ่ายด้วย ลวดเย็บกระดาษลงบนช่องที่กำหนดให้บนแบบ ฟอร์ม DS-160 แม้ว่ารูปถ่ายดิจิทัลควรจะถูกอัพโหลดลงบนแบฟอร์มออนไลน์โดยตรง และจะปรากฏอยู่ที่หน้ายืนยันของแบบฟอร์มในวันสัมภาษณ์ วีซ่า อาจเกิดปัญหารูปถ่ายไม่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กำหนด และท่านอาจต้องยื่นรูปถ่ายจริงต่อแผนกกงศุลเพื่อแสกนลงในระบบ
  4. ใบเสร็จค่าธรรมเนียม การขอวีซ่า 5,120 (2012) บาท ชำระ ณ ที่ทำการไปรษณีย์
  5. ใบเสร็จค่าธรรมเนียม SEVIS I-901 $200 (2012) จ่ายผ่านเว็บไซด์ http://www.fmjfee.com
  6. แบบฟอร์ม I-20 หรือ DS-2019 ที่ออกให้โดยสถาบันการศึกษา หรือองค์กรแลกเปลี่ยนในสหรัฐฯ กรุณาเซ็นต์ชื่อและลงวันที่ในเอกสารด้วย
  7. ค่าธรรมเนียมจองวันสัมภาษณ์ (PIN) – 384 บาท (2012)
  8. หลักฐานการศึกษาของผู้ยื่นขอวีซ่า เช่น transcript ใบรับรองจบการศึกษา ใบรับรองสถานภาพภาพนักศึกษา
  9. หลักฐานการทำงานของผู้ยื่นขอวีซ่า (ถ้ามี) เช่น จดหมายรับรองการทำงาน จดหมายรับรองเงินเดือน จดหมายอนุญาตให้ลาไปเรียนต่อ
  10. หลักฐานทางการเงินของผู้ปกครองหรือสปอนเซอร์ ที่แสดงว่าผู้ปกครองหรือสปอนเซอร์มีทุนทรัพย์เพียงพอสำหรับค่าเล่าเรียน ค่าที่พัก และค่าใช้จ่ายของผู้ยื่นขอวีซ่าในขณะที่อยู่ในสหรัฐฯ  โดยอาจยื่นจดหมายรับรองฐานะทางการเงินที่ธนาคารออกให้ สมุดบัญชีเงินฝากประเภทออมทรัพย์ ฝากประจำ หรือบัญชีกระแสรายวัน ท่านควรยื่นเอกสารต้นฉบับ แผนกกงสุลไม่มีความจำเป็นต้องเก็บสำเนาเอกสารเหล่านี้
  11. หลักฐานการทำงานของผู้ปกครองหรือสปอนเซอร์ เช่น จดหมายรับรองการทำงาน จดหมายรับรองเงินเดือน
  12. จดหมายรับรองการเป็นสปอนเซอร์
  13. หลักฐานที่แสดงถึงการมีถิ่นพำนักถาวรภายนอกสหรัฐฯ การสมัครวีซ่านักเรียนถือเป็นการสมัครขอ วีซ่าอเมริกา ประเภทชั่วคราว ผู้สมัครต้องสามารถพิสูจน์ ให้เจ้าหน้าที่กงสุลเห็นว่าตนไม่มีความตั้งใจ จะอยู่ในสหรัฐฯเป็นการถาวร โดยผู้สมัครต้องสามารถแสดงหลักฐานที่แสดงถึงความผูกพันทางครอบครัว เศรษฐกิจ สังคมภายนอกสหรัฐฯ โดยการมีญาติ นายจ้าง หรือเพื่อนไม่สามารถเป็นหลักประกันได้ ไม่ว่าใครจะเป็นผู้สนับสนุนการเดินทาง เจ้าหน้าที่กงสุลจะพิจารณาสถานการณ์เฉพาะบุคคลของผู้สมัครวีซ่าว่ามี คุณสมบัติควรได้รับ วีซ่าอเมริกา ด้วยตัวเองหรือไม่ โปรดทราบว่าเจ้าหน้าที่กงสุลจะพิจารณาอนุมัติวีซ่าให้เป็นไปตามกฎหมายว่า ด้วยการเข้าเมืองและสัญชาติ (Immigration and Nationality Act – INA) โดยกฎหมายได้บัญญัติไว้ว่า “เมื่อใดก็ตามที่บุคคลใดยื่นความจำนงในการสมัคร วีซ่าอเมริกา ภาระในการพิสูจน์ว่าบุคคลนั้นมีคุณสมบัติจะอยู่ที่ตัวผู้สมัคร” กฎหมายการเข้าเมืองสหรัฐฯกำหนดให้เจ้าหน้าที่กงสุลต้องปฏิเสธการอนุมัติ วีซ่าอเมริกาแก่ผู้สมัครที่ไม่สามารถแสดงหลักฐานได้ว่าตนไม่มีความตั้งใจที่ จะอยู่ ในสหรัฐฯเป็นการถาวร


อ้างอิงจาก : http://www.upluzstudy.com/uvisa/เอกสารที่ต้องใช้ในการสมัคร-วีซ่าอเมริกา-ของนักเรียน-มีอะไรบ้าง/

วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เรียนภาษาอังกฤษที่ Kaplan ในแคลิฟอร์เนีย มีหลายสาขาให้เลือก


Kaplan International Colleges มีแคมปัสอยู่ในอเมริกา ตั้งอยู่ในพื้นที่ของสถาบันการศ
ึกษา หรือมหาวิทยาลัยทั่วอเมริกา ใกล้ทะเลหรือใจกลางเมือง ทำให้นักเรียนที่มาเรียนที่ Kaplan จะได้สัมผัสทั้งบรรยากาศการเรียน และการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่แบบอเมริกัน



Kaplan ในรัฐ California มีสาขาที่ไหนบ้าง?


Irvine, California
Kaplan ในวิทยาลัย Irvine Valley College ไม่ไกลจากใจกลางเมือง Orange County รัฐแคลิฟอร์เนีย

Los Angeles, California
ที่ LA มีสาขาของ Kaplan อยู่ 2 แห่ง คือ ในย่าน Westwood ย่านชายทะเลที่สงบและสวยงาม ใกล้กับ เบเวอรี่ ฮิลส์ และ ดาวน์ทาวน์ของแอลเอ ส่วนอีกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ที่ Whittier เมืองเล็กๆ ที่มีเสน่ห์ของเมืองเล็ก ผสมผสานกับความสะดวกสบายแบบเมืองใหญ่ ใกล้กับ Disneyland และ Malibu

San Diego, California
เรียนภาษาอังกฤษ ที่ซานดิเอโก้ กับ Kaplan ในเมืองแห่งการศึกษาที่เต็มไปด้วยแสงแดดและชายหาด มีกิจกรรมชายหาดให้ทำมากมาย ทั้งการเล่นวินเซิร์ฟ หรือ การหาร้านอาหารอร่อยๆ นั่งทานชิลล์ๆ ริมชายหาด

San Francisco, California
Kaplan ที่ ซานฟรานซิสโก มีอยู่ 2 สาขา ที่แรก อยู่ในเมืองซานฟรานซิสโก ย่านที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และอากาศอบอุ่น อีกแห่งหนึ่งตั้งอยู่ในย่าน Berkeley ย่านเดียวกับมหาวิทยาลัย UC Berkeley อันโด่งดัง

Santa Barbara, California
Kaplan ที่ ซานตาบาร์บาร่า ตั้งอยู่ในบริเวณชายหาดที่สวยงาม Kaplan ที่ซานตาบาร์บาร่า เป็นโรงเรียนที่มีวิวทะเลสดใส ให้บรรยากาศนั่งเรียนอยู่ริมชายหาดแท้ๆ

-----------------------------

สนใจเรียนภาษาอังกฤษที่แคลิฟอร์เนีย กับโรงเรียน Kaplan ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ > http://bit.ly/18pkY2E

วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เรียนภาษาอังกฤษอย่างคุ้มค่าที่ต่างประเทศ ทำยังไง?



วีธีในการเรียนภาษาอังกฤษอย่างคุ้มค่า ที่ต่างประเทศ มีหลักในการคิด และพิจารณาง่ายๆ โดยต้องเริ่มต้นจากการที่จะเลือกสถานที่เรียนภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศให้คุ้มค่านั้น คือ การเลือกโปรโมชั่นของโรงเรียนที่ราคาไม่แพง แต่อยู่ในสถานที่แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่เอื้อต่อการพัฒนาและฝึกฝนภาษาอังกฤษ เช่น อยู่กลางใจเมือง อยู่ในเมืองที่การคมนาคมขนส่งสะดวกสบาย หรืออยู่ในเมืองที่มีนักเรียน นักศึกษาจากทั่วโลก เพราะนอกจากจะได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษแล้ว ยังจะได้เรียนรู้ศิลปะวัฒนธรรมที่หลากหลายไปพร้อมๆ กันอีกด้วย เพราะการเรียนภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศสำหรับใครหลายๆ คน มันคือการลงทุน ที่แต่ละคนอยากจะเดินทางไปอย่างคุ้มค่า สบายใจ อุ่นใจ และหายห่วง



โปรโมชั่น Big Save จาก ยูพลัส คือโปรโมชั่นเรียนภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศ ที่มุ่งตอบสนองความต้องการเหล่านี้ของนักเรียนชาวไทย โดย ยูพลัส ได้เลือกโรงเรียนในเมืองที่มีการคมนาคมสะดวกสบาย และมีบรรยากาศที่เหมาะสมสำหรับการเรียนภาษาอังกฤษให้มีประสิทธิภาพ มาจัดรวมไว้ในโปรโมชั่น Big Save ซึ่งเป็นโปรโมชั่นเรียนภาษาอังกฤษ ที่มีทั้งระยะสั้น 2-3 เดือน และ หลักสูตรเรียนภาษาอังกฤษ 6 เดือน ที่มีราคาย่อมเยา คุ้มค่า เริ่มต้นเพียง 54,000 บาท (สำหรับการเรียน 10 สัปดาห์) ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดของเมือง และละแวกที่ตั้งของโรงเรียนได้ ก่อนตัดสินใจเลือก


คลิกดู โปรโมชั่นเรียนภาษาอังกฤษต่างประเทศ ที่นี่

เลือกเรียนภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศแบบไหน ให้คุ้มค่ายิ่งขึ้น?

อีกสิ่งหนึ่ง นอกเหนือจากการเลือกสถานที่เรียน โดยคำนึงถึงราคาและสถานที่ตั้งของโรงเรียนแล้ว ต้องไม่ลืมวิเคราะห์บุคลิกของตนเอง ว่าเป็นคนแบบไหน ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เพื่อช่วยให้การเลือกเรียนโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษในเมืองต่างๆ นั้น เลือกได้ตรงกับบุคลิกของตนเอง อันจะทำให้การ “ลงทุน” เสียค่าเล่าเรียน มีความคุ้มค่ามากขึ้นกว่าเดิมเข้าไปอีก
หลักในการเลือก ที่จะยกตัวอย่างให้เห็นชัดเจนขึ้น เช่น หากรู้ว่าตนเองเป็นคนไม่ชอบความวุ่นวายแบบเมืองใหญ่ ควรเลือกเมืองที่ค่อนข้างสงบแต่สะดวกสบาย เช่น เมลเบิร์น, ชิคาโก้ หรือ เบอร์มิงแฮม ขณะเดียวกันใครที่ชอบบรรยากาศธรรมชาติ หรือทะเล ควรเลือกเรียนในเมืองอย่าง บอร์นมัธ, โกลด์โคสต์ หรือ ไมอามี่ เป็นต้น

วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556

เรียนภาษาอังกฤษที่ซิดนีย์ โรงเรียนไหนดี?




ใครที่กำลังมองหาโรงเรียนภาษาอังกฤษที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย หรืออยากรู้ว่าจะเรียนภาษาอังกฤษที่ออสเตรเลียโรงเรียนไหนดี ขอแนะนำโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ ELC (English Language Company) ในประเทศออสเตรเลีย ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ซิดนีย์ ไม่ไกลจาก ดาร์ลิง ฮาเบอร์ (Darling Harbour) แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของเมือง ทำให้การเดินทางสะดวกสบาย ทั้งการโดยสารรถไฟ รถราง หรือรถเมล์ ที่มีป้ายรถเมล์อยู่หน้าโรงเรียนเลย

นอกจากเรื่องทำเลที่อยู่ใจกลางเมืองแล้ว โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษที่ซิดนีย์ แห่งนี้ ยังมีจุดเด่นอะไรอีก?

โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ ELC มีจุดเด่นอื่นๆ อย่างเช่น


- เป็นโรงเรียนภาษาที่ได้รับรางวัลระดับนานาชาติ โรงเรียนสอนภาษายอดเยี่ยม 2 ปี ซ้อน (ปี 2011 และ 2012) และมีชื่อเสียงระดับ 5 ดาวในออสเตรเลีย
- เป็นโรงเรียนภาษาที่ออสเตรเลีย ซึ่งมีนักเรียนจาก 35 ชาติทั่วโลก โดยมีนักเรียนจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพียงแค่ 5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งช่วยให้ได้ฝึกภาษากับเพื่อนต่างชาติได้อย่างเต็มที่
- เป็นโรงเรียนภาษาอังกฤษที่ซิดนีย์ ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกระดับ 5 ดาว ทั้ง ฟิตเนส สระว่ายน้ำ สนามกีฬา ห้องสมุด ห้องอินเทอร์เน็ต ฯลฯ
- โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ ELC มีคอร์ส Pathway เข้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง เช่น มหาวิทยาลัยวูลลองกอง (University of Wollongong) หรือ มหาวิทยาลัยเวสเทิร์นซิดนีย์ (University of Western Sydney) โดยใช้ผลสอบภาษาอังกฤษของสถาบันแทนผลสอบ IELTS (ไอเอล) ได้เลย

คอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่ซิดนีย์ ของ ELC Sydney


โรงเรียน ELC Sydney มีคอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่หลากหลายและเฉพาะทาง ให้เลือกเรียนตามความต้องการเฉพาะด้าน เช่น

- หลักสูตรภาษาอังกฤษทั่วไป
- หลักสูตรภาษาอังกฤษเพื่อเรียนต่อมหาวิทยาลัย
- หลักสูตรภาษาอังกฤษภาคธุรกิจ
- หลักสูตรภาษาอังกฤษเพื่อสอบ IELTS
- หลักสูตรภาษาอังกฤษ Cambridge Exam Preparation



พิเศษสุดคุ้ม! 

เมื่อเรียนภาษาอังกฤษที่ซิดนีย์ กับ โรงเรียน ELC


Uplus Study (ยูพลัส) ร่วมกับโรงเรียน ELC Sydney เปิดโอกาสให้นักเรียนที่สนใจเรียนภาษาอังกฤษที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลียได้ร่วมงานฟรี Meet & Greet กับ โรงเรียน ELC สถาบันคุณภาพระดับ 5 ดาว งานนี้ "ครบเครื่องเรื่องเรียนต่อออสเตรเลีย"

สิ่งที่คุณจะได้รับในงานนี้ นอกจากความคุ้มค่ากับโปรโมชั่นพิเศษ และฟรีค่าสมัครทุกโปรแกรม แล้ว ยังจะได้รับ

- ข้อมูลการเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลีย
- ทำความรู้จักกับ ELC และข้อมูลทุกอย่างของสถาบัน
- แลกเปลี่ยนข้อมูลการเรียนต่อออสเตรเลียและสมัครเรียนกับเจ้าหน้าที่สถาบันโดยตรง
- ร่วมวางแผนการเรียนสำหรับการทำงานในอนาคต (Career Plan)
- ร่วมวางแผนการเรียนต่อต่างประเทศอย่างไรให้ถูกต้อง


สอบถามรายละเอียดหรือลงทะเบียนเข้าร่วมงาน ฟรี! คลิกที่นี่






Source: เรียนภาษาที่ออสเตรเลีย



วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เรียนต่อต่างประเทศราคาถูกกว่าที่อื่น โปรปีใหม่ เดินทางพฤษภาคม 56


ใกล้ถึงช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่อีกปีหนึ่งแล้ว ตามธรรมเนียมปฏิบัติ ที่ใครต่อใคร ต่างหยิบยื่นของขวัญอันมีค่าและคำอวยพรดีๆ ในเทศกาลแห่งความสุข เพื่อแบ่งปันให้แก่กัน

U+Study (ยูพลัส) ศูนย์บริการศึกษาต่อต่างประเทศอย่างครบวงจร จึงถือโอกาสอันดีที่สุดของปีนี้ มอบของขวัญเรียนต่อต่างประเทศส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ให้กับนักเรียนไทย ที่กำลังมองหาที่เรียนต่อต่างประเทศราคาถูกกว่าที่อื่น ด้วยโปรโมชั่นสุดคุ้ม สมัครเรียนช่วงปีใหม่และพร้อมเดินทางก่อนเดือนพฤษภาคม 2556 รับราคาพิเศษ พร้อมการดูแลอย่างเต็มที่ครบวงจร

โดยยูพลัส เปิดรับสมัครเรียนต่อต่างประเทศราคาถูก ใน 3 ประเทศใหญ่ คือ อังกฤษ สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย ใช้ชื่อแคมเปญเก๋ๆ ว่า Big Gifts ซึ่งผู้บริหารของยูพลัสบอกว่า โปรโมชั่นนี้ ตั้งใจมอบเป็นของขวัญส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ให้กับนักเรียนไทย หรือผู้ที่สนใจ อยากไปเรียนต่อต่างประเทศในราคาที่ย่อมเยา สามารถจับต้องได้ และเป็นราคาที่ถูกกว่าเอเจนซี่อื่นๆ แน่นอน


Big Gifts เรียนต่อต่างประเทศราคาถูกกว่าที่อื่นแน่นอน


โปรโมชั่น Big Gifts ของยูพลัส จะเปิดโอกาสให้สำหรับน้องๆ และผู้สนใจ ที่กำลังหาที่เรียนภาษาอังกฤษ หรือเรียนต่อต่างประเทศราคาถูก ที่ประเทศอังกฤษ เริ่มต้นที่ 50 ปอนด์ต่อสัปดาห์ อเมริกาเริ่มต้น 85 เหรียญต่อสัปดาห์ และ ออสเตรเลีย เริ่มต้นที่ 120 ดอลล่าร์ออสเตรเลีย ต่อสัปดาห์ โดยสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ทางเว็บไซต์ และช่องทางติดต่อสื่อสารต่างๆ ของยูพลัส ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โปรโมชั่นนี้ จะมีถึงแค่วันที่ 15 มกราคม 2556 เท่านั้น และผู้ที่สมัครจำเป็นต้องเดินทางก่อนเดือนพฤษภาคม 2556 นี้

"นอกจากจะได้เรียนต่อต่างประเทศราคาถูกกว่าที่อื่นแล้ว ซึ่งต้องบอกว่า เราให้ถูกกว่าเอเจนซี่อื่นๆ แน่นอนพร้อมกันนี้ ยูพลัส ยังยินดีมอบสิทธิพิเศษการดูแลตั้งแต่ต้นจนจบการศึกษาให้กับนักเรียนทุกคน เริ่มตั้งแต่วินาทีแรกที่ติดต่อสมัครเรียน จะได้รับคำแนะนำด้านการเตรียมตัว เตรียมเอกสาร การติดต่อสถานฑูตเพื่อขออนุมัติวีซ่า ช่วยเทรนน้องๆ ที่กังวลเรื่องการสัมภาษณ์วีซ่า รวมถึงช่วยแก้ปัญหาการใช้ชีวิตที่ต่างแดน ซึ่งน้องๆ สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ของเราได้ผ่านทางโปรแกรม Skype ที่จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล พูดคุย และให้คำปรึกษาอย่างต่อเนื่องอีกด้วย"

เรียนต่อต่างประเทศราคาถูกกว่าที่อื่น

รับสมัครถึง 15 มกราคมเท่านั้น


ผู้ทีี่สนใจโปรโมชั่น Big Gifts เรียนต่อต่างประเทศราคาถูกกว่าที่อื่นจาก U+Study สามารถเข้าไปสอบถามรายละเอียดได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ uplusstudyabroad หรือสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมจองสิทธิ์ด่วนภายในวันที่ 15 มกราคม 2556 ที่ http://เรียนต่อต่างประเทศ.uplusstudyabroad.com/biggifts/

ถ้าใครไม่สะดวกในการเข้าเว็บไซต์ ยังสามารถโทรศัพท์ไปได้ที่หมายเลข 02 734 2563 หรือสอบถามข้อมูลต่างๆ ได้ทาง email address welcome@uplusstudy.com

ข้อมูลเพิ่มเติม คลิกที่นี่ด่วน!


----------------
Source :เรียนภาษาที่อังกฤษราคาถูก เดินทางก่อนพฤษภา 56

วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียนกันหรือยัง!


อีกสามปีเท่านั้น คือ ในปี พ.ศ.2558 ประเทศไทยจะต้องเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ AEC หรือ Asean Economic Community (ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน) อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อพัฒนาประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เข้มแข็งในทุกด้าน โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการแลกเปลี่ยนแรงงานระหว่างกัน

ประเทศในอาเซียน มีอยู่ 6 ประเทศที่มีจุดเด่นในด้านต่างๆ รับหน้าเสื่อเป็นหัวเรือใหญ่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในทุกด้านของภูมิภาค พม่า รับผิดชอบด้านสาขาเกษตรและประมง มาเลเซีย รับผิดชอบสาขาผลิตภัณฑ์ยางและสาขาสิ่งทอ อินโดนีเซีย รับผิดชอบสาขาภาพยนต์และสาขาผลิตภัณฑ์ไม้ ฟิลิปปินส์ สาขาอิเล็กทรอนิกส์ สิงคโปร์ สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศและสาขาสุขภาพ และประเทศไทย รับผิดชอบด้านสาขาการท่องเที่ยวและสาขาการบิน เนื่องจากมีชัยภูมิอยู่ตรงกลางภูมิภาคพอดิบพอดี

นั่นหมายถึง แรงงานในประเทศต่างๆ ของภูมิภาคอาเซียน ไล่ตั้งแต่ สิงคโปร์ เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ พม่า ลาว กัมพูชา ฯลฯ สามารถเดินทางไปมาหาสู่และทำงานในประเทศเหล่านี้ได้อย่างอิสระเสรี เปรียบเหมือนเป็นประเทศเดียวกัน ซึ่งสิ่งที่สำคัญอย่างมากคือเรื่องของการสื่อสาร ทุกคนจะพูดภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางในการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน ดังนั้นใครที่มีความรู้ด้านภาษาอังกฤษ จะมีความได้เปรียบอย่างมาก เป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่ควรจะเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียนด้วยการเรียนภาษาอังกฤษกันไว้เพื่ออนาคต



ข้อได้เปรียบของคนที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี หรือคนที่เตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียนด้วยการเรียนภาษาอังกฤษไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ สามารถเดินทางไปทำงานยังประเทศต่างๆ ในละแวกอาเซียนได้อย่างเสรี โดยเฉพาะอาชีพในกลุ่มอุตสาหกรรมซอร์ฟแวร์ ซึ่งมีประเทศสิงคโปร์เป็นหัวหอกหลักในการขับเคลื่อน จริงๆ แล้วคนไทยเก่งเรื่องซอร์ฟแวร์ แต่ปัจจุบันได้ค่าแรงถูกมากกว่าต่างชาติ สิงคโปร์จึงเป็นตลาดที่น่าสนใจสำหรับแรงงานไทยในด้านซอร์ฟแวร์

ข้อได้เปรียบอีกอย่างหนึ่งของการประกอบอาชีพสำหรับคนไทยที่เตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียนด้วยการเรียนภาษาอังกฤษไว้และสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้น่าจะเป็นการลงทุนด้านการเกษตรและการท่องเที่ยวในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวนั้น เป็นตลาดที่ใหญ่โตมากภายในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกันเอง จำนวนนักท่องเที่ยวกว่า 600 ล้านคนสามารถเดินทางไปมาหาสู่ท่องเที่ยวกันได้อย่างอิสระ และหากอนาคตมีการผลักดันให้นักท่องเที่ยวจากประเทศนอกเหนืออาเซียนสามารถเดินทางเข้าสู่ประเทศในอาเซียนได้อย่างอิสระ โดยขอวีซ่าครั้งเดียวไปได้ทั่ว จะยิ่งทำให้ตลาดท่องเที่ยวของ AEC ใหญ่โตมโหฬาร

การเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียนด้วยการเรียนภาษาอังกฤษไม่ใช่แค่สำคัญสำหรับการไปทำงานต่างประเทศเท่านั้น แต่แม้กระทั่งทำงานในประเทศไทยก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากจะมีคนอาเซียน เข้ามาอยู่ในไทยมากมายไปหมด และมักจะพูดภาษาไทยไม่ค่อยได้ แต่จะใช้ภาษาอังกฤษ เพราะ AEC มีมาตรฐานว่าจะใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางใน AEC และ ป้ายต่างๆ หนังสือพิมพ์ สื่อต่างๆ จะมีภาษาอังกฤษมากขึ้น

แต่สิ่งที่คนไทยต้องยอมรับกันอย่างไม่อาจปฏิเสธได้เลย คือ ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการศึกษาภาษาอังกฤษในประเทศไทย ยังไม่อาจเทียบได้เลยกับประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ หรือฟิลิปปินส์ คนไทยแม้จะรู้ภาษาอังกฤษ แต่ยังขาดทักษะในการสื่อสาร พูดง่ายๆ ก็คือ สถาบันการศึกษาในประเทศไทย สอนให้เด็กท่องจำภาษาอังกฤษเพื่อสอบมากกว่าการนำไปใช้จริง

ที่น่าเป็นห่วงสำหรับแรงงานไทยในอนาคตคือ นับแต่ปี พ.ศ. 2551 เป็นต้นมา หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานของประเทศไทย กลับลดเวลาเรียนภาษาอังกฤษลง จากเดิมสัปดาห์ละเพียง 2 ชั่วโมง ลงมาเหลือเพียงสัปดาห์ละ 1 ชั่วโมงเท่านั้น แถมข้อสอบภาษาอังกฤษของประเทศไทย ยังคงเป็นแบบเลือกตอบ ซึ่งเป็นการสอบแบบท่องจำมากกว่าการที่จะได้ใช้ความคิด ฝึกทักษะการเขียน การอ่าน การพูด การฟัง เรียกว่าทักษะทุกด้านของภาษาอังกฤษสำหรับเด็กไทยนั้น อ่อนมาก น่ากังวลใจว่า หากต้องไปทำงานร่วมกับชาวอาเซียนกว่า 600 ล้านคน แล้วจะเป็นอย่างไร นี่คือการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียนสำหรับประเทศไทยที่ถูกต้องและพร้อมสำหรับ AEC แล้วจริงหรือ?

จริงๆ แล้ว ประเทศเพื่อนบ้านของไทยทั้งหลาย กำลังตั้งหน้าตั้งตาพัฒนาบุคลากรของตนเพื่อเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียนกันอย่างเอาจริงเอาจัง แต่เมื่อมองย้อนกลับมาดูในประเทศไทยเราเอง ยังแทบจะไม่เห็นวี่แววใดๆ เลย ผลวิจัยของสมาคมวิจัยการตลาดแห่งประเทศไทยยิ่งทำให้น่าตกใจ เมื่อพบว่า คนกรุงเทพฯ และปริมณฑลรู้เรื่องการเกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในอีกสามปีข้างหน้าไม่ถึง ร้อยละ 50 และยังมีคนไทยอีกกว่าครึ่งยอมรับว่าไม่เคยได้ยินและไม่เข้าใจคำนี้ ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มตัวอย่างที่มีอายุ 25-49 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มหลักในการขับเคลื่อนประเทศ กลายเป็นช่วงอายุของคนที่ทราบรายละเอียดของ AEC กันน้อยกว่าคนช่วงอายุอื่นเสียอีก

มันถึงเวลาแล้วหรือยังที่นักเรียนไทย หรือผู้ที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดแรงงานในอนาคตต้องทำอะไรสักอย่าง ต้องเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียนกันอย่างจริงจังสำหรับระยะเวลาที่เหลืออีกเพียงแค่ 3 ปีเท่านั้น

ถ้ามัวหวังพึ่งแต่การศึกษาภายในประเทศ มีหวังไม่ทันกิน ออกไปสู้กับแรงงานที่มีคุณภาพ และเก่งภาษาอังกฤษจากประเทศอื่นๆ ในย่านอาเซียนลำบากแน่นอน หากมีโอกาสควรจะลงทุนสำหรับอนาคต เตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียนด้วยการเรียนภาษาอังกฤษระยะสั้นที่ต่างประเทศ เรียนรู้การใช้ภาษาอังกฤษอย่างเป็นธรรมชาติและสร้างความคุ้นชินต่อชาวต่างชาติที่พูดภาษาอังกฤษให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้.

สนใจเรียนภาษาอังกฤษเพื่อเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน คลิกดูรายละเอียดตามหัวข้อด้านล่างนี้ได้เลย

เรียนภาษาอังกฤษที่อเมริกา
เรียนภาษาอังกฤษที่ออสเตรเลีย
เรียนภาษาอังกฤษที่อังกฤษ
พิเศษ! เรียนภาษาอังกฤษที่ลอนดอน พร้อมทั้งชมมหกรรมโอลิมปิก
เรียนภาษาอังกฤษที่นิวซีแลนด์

www.uplusstudy.com
 




อ้างอิง
        - องค์ความรู้ "ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน", AEC คืออะไร, http://www.thai-aec.com/41
        - คุณนิติ นวรัตน์, ปัญหาของประชาคมอาเซียน, http://www.nitipoom.com/Article1Item.aspx?ID=4071
        - คุณนิติ นวรัตน์, ขอเขียนเรื่องประชาคมอาเซียนอีกครั้ง, http://www.nitipoom.com/Article1Item.aspx?ID=4084